Trade on-the-go
เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์

ผู้สนับสนุน

banner image

ไขมันทรานส์ คืออะไร?

ผู้สนับสนุน

banner image

เชื่อว่าทุกคนคงรู้จัก "ไขมัน" กันเป็นอย่างดีเพราะในชีวิตประจำวันของเรา หลีกหนีไม่พ้นไขมันแน่นอน ซึ่งจะมากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าให้ความสนใจกับสุขภาพของตัวเองแค่ไหน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือมีไขมันชนิดหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่สนใจกันมากและกำลังจะถูกสั่งห้ามใช้หรือมีในการประกอบอาหารในประเทศไทย นั่นคือ"ไขมันทรานส์"

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า โดยปกตแล้วไขมันนั้นเป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้ แต่ไม่ควรมีมากเกินไป ที่สำคัญคือ ไขมันไม่ใช่สิ่งเลวร้ายไปเสียทั้งหมด เพราะไขมันมีทั้งชนิดดี (HDL) และไขมันชนิดร้าย (LDL) ซึ่งเจ้าไขมัน LDL นี่แหละ เป็นบ่อเกิดของโรคภัยชนิดต่างๆ

ไขมันอิ่มตัวหรือไขมันชนิดร้าย (LDL) คือไขมันที่ได้จาก สัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น ไขมันสัตว์ ไขมันที่แทรกในเนื้อสัตว์ นม เนย ไขมันกลุ่มนี้รวมไขมันคอเลสเตอรอล และไขมันไตรกลีเซรายด์ ซึ่งการบริโภคไขมันอิ่มตัวมากเกินไข นอกจากจะทำให้ร่างกายดูอ้วนแล้ว ยังทำให้หลอดเลือดอุดตัน เช่น เลือดหัวใจ, หลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว

ส่วนไขมันไม่อิ่มตัว หรือไขมันชนิดดี (HDL) คือไขมันที่ได้จากพืชเป็นส่วนใหญ่ แต่ยกเว้นกะทิ และน้ำมันปาล์ม ซึ่งไขมันชนิดนี้มีผลต่อโรคหลอดเลือดน้อยกว่า ไขมันชนิดร้าย หรือไขมันอิ่มตัว (LDL) 

แล้วไขมันทรานส์คืออะไร?
ที่มาของไขมันทรานส์เกิดจากความต้องการในการลดต้นทุนการผลิตในวงการอุตสาหกรรมด้านอาหาร เพื่อทำให้เกิดกำไรมากขึ้น ผลิตสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งกระบวนการสร้างไขมันทรานส์คือ การเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของน้ำมันพืช เพื่อทำให้น้ำมันพืชสามารถคงสภาพแข็งตัวหรือกึ่งแข็งกึ่งเหลว และมีอายุเก็บไว้ได้นานกว่าเดิม ด้วยการนำน้ำมันพืชมาผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils) เพื่อให้น้ำมันกลายมาเป็นไขมันแข็ง ซึ่งเป็นการสร้างไขมันทรานส์ในเชิงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีไขมันทรานส์อีกแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นในครัวเรือน และร้านอาหาร หรือธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร นั่นคือการใช้น้ำมันในการทอดอาหารแบบซ้ำๆ ซึ่งการทอดซ้ำๆ ของน้ำมันดังกล่าว ทำให้โครงสร้างโมเลกุลของน้ำมันบิดเบี้ยว และกลายเป็น ทรานส์ เช่นเดียวกัน

ตัวอย่างอาหาร หรือ ส่วนประกอบของอาหารที่มีแหล่งที่มาจาก ไขมันทรานส์ เช่น เนยขาว เนยเทียม คุ้กกี้ โดนัท วิปครีม ขนมขบเคี้ยว และอาหารฟาสต์ฟู้ด ต่าง ๆ มันฝรั่งทอด ขนมปัง เค้ก และของทอดต่าง ๆ ฯลฯ ดังนั้นก่อนบริโภคอาหารควรใส่ใจดูสลากสักนิดว่า อาหารที่เรากำลังจะซื้ไปทานนั้นมีส่วนประกอบของไขมันทรานส์หรือไม่ และโปรดระลึกไว้เสมอว่าทุกครั้งที่คุณทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์ เท่ากับว่าคุณได้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด เส้นเลือดอุดตันในสมอง ให้กับตัวเอง

ไขมันทรานส์ถือเป็นฆาตกรเงียบ ที่ทาง WHO ได้ประกาศถึงโทษภัย พร้อมกับเรียกร้องให้นานาประเทศยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ในอาหารภายในปี 2023 เพราะเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือด และหัวใจ

สำหรับคนไทยคงต้องบอกว่าโชคดีมาก เพราะได้มีการออกกฎหมายห้ามการใช้ไขมันทรานส์ในอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีผลราว 6 เดือนข้างหน้านี้ (ประมาณเดือนมกราคม 2562) โดยจะมีการห้ามนำเข้า, ห้ามผลิต และห้ามจำหน่าย ในประเทศไทย

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สุขภาพเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ต่อให้มีกฎหมายห้ามปราม ป้องกัน ไว้ดีอย่างไรก็ตาม หากเราไม่สนใจสุขภาพของตัวเอง ต่อให้มีกฎหมายมากมายเท่าไร ก็ไม่สามารถทำให้ตัวเราสุขภาพดีเท่ากับเราดูและตัวเอง จริงไหมครับ?


 


ผู้สนับสนุน

banner image

แสดงความคิดเห็น

  • บทความล่าสุด
  •  Coffee Badging พนักงานเข้าออฟฟิศ จิบกาแฟ พบปะเพื่อนร่วมงาน และออกไปทำงานที่อื่น
    Coffee Badging พนักงานเข้าออฟฟิศ จิบกาแฟ พบปะเพื่อนร่วมงาน และออกไปทำงานที่อื่น  4
    เชียงใหม่…มากกว่าที่คิด
    เชียงใหม่…มากกว่าที่คิด  19
    การตลาดด้วยคอนเทนต์ (Content Marketing)
    การตลาดด้วยคอนเทนต์ (Content Marketing)  39
    ลงประกาศฟรี! เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณได้เติบโต
    ลงประกาศฟรี! เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณได้เติบโต  29
    เชียงใหม่ เมืองแห่งสตาร์ทอัพที่น่าจับตามอง
    เชียงใหม่ เมืองแห่งสตาร์ทอัพที่น่าจับตามอง  51
  • อื่นๆ ที่น่าสนใจ