ผู้สนับสนุน
เมื่อว่าแล้ว ก็เตรียมจัดกระเป๋าไปกันเลยดีกว่าค่ะ การเดินทางนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะไปเครื่องบิน หรือจะไปทางรถโดยสาร บสข.ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่นั่งรถได้นานๆ หน่อย เพราะว่าใช้เวลาในการนั่งรถประมาณ 10-12 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งรถ บขส.เราสามารถมาขึ้นได้ที่สถานี ขนส่งหมอชิต
ก่อนไปคุณควรวางแผนให้ดีว่าจะไปที่ไหนบ้าง จะได้ไม่ไปเที่ยวแบบไม่มีทิศทาง แต่สิ่งแรกที่เราควรทำก่อน คือ ศึกษาว่าเชียงรายมีสถานที่เที่ยวที่ไหนบ้าง และเราควรไปนอนโรงแรมที่ไหน ซึ่งก็มีมากมายหลายราคา สิ่งที่ควรรู้อีกอย่าง คือ เราควรรู้ว่า เราจะไปเที่ยวจำนวนกี่วันกี่คืน เพราะการจองโรงแรมล่วงหน้าก็ช่วยทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการจอง
สำหรับครั้งแรกที่ไปเชียงราย ก็ได้ไปนอนโรงแรมที่เป็นเขตติดต่อกับชายแดนพม่ากับไทย ที่ด่านขี้เหล็ก ซึ่งโรงแรมถ้าดูจากภายนอกก็รู้ได้เลยว่า ได้ถูกสร้างสไตน์พม่า ทำให้ได้รับกลิ่นไอของพม่ามาเต็มๆ
เมื่อได้เข้าไปภายในโรงแรมก็รู้ได้เลยว่า โรงแรมนี้คงอยู่ในระดับ 2-3 ดาว แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก และไม่ยึดติดกับความสบายมากนัก ก็พอจะนอนได้แบบไม่คิดอะไร เพราะสภาพห้องข้างในออกจะมืด ๆ หน่อย เมื่อเข้าไปเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากโรงแรมมา เพื่อเดินไปดูตลาดรอบ ๆ โรงแรม
เมื่อได้เดินรอบๆ โรงแรมก็เห็นว่า มีตลาด ที่มีของขาย ที่ราคาถูกมาก ซึ่งมีทั้งขนม และเสื้อผ้า ซึ่งราคาย่อมเยามาก ถ้าใครอยากซื้อมาฝากญาติ ๆ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ก็เหมาะเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่ารสชาติอะไร และราคาไม่แพงมาก หรืออาจจะซื้อไปขายก็ยังได้ เดินไปไกลอีกสักหน่อย ก็จะเป็นด่านชายแดนไทย-พม่า ตรงท่าขี้เหล็ก ซึ่งการจะข้ามไปได้ก็ต้องใช้บัตรประชาชน หรือไม่ก็ passport และก็เสียเงินอีกไม่มาก ในการผ่านแดน เมื่อข้ามแดนไปได้แล้วสิ่งที่ควรตระหนักไว้ดี ๆ คือเรื่องทรัพย์สิน ไม่ควรพกกระเป๋าไปเยอะแยะจนดูพะรุงพะรัง เพราะอาจจะเป็นอันตรายกับตัวเอง เพราะก่อนที่จะเดินทางมานี้ ก็ได้ยินร่ำรือ เกี่ยวกับเรื่องการยัดยาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อถูกยัดยาตำรวจก็จะเข้ามาเครมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ถ้าเรามีเพื่อนไปกันหลายคนก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร
ที่ฝั่งพม่า เขาจะมีรถสองแถวให้เรานั่งรถไปเที่ยววัดต่างๆ ในพม่า ซึ่งเมื่อไปวัดแล้ว สิ่งแรกที่เราจะต้องทำก็คือ การไปไหว้พระขอพร นอกจากได้บุญแล้ว ยังได้ชมสถาปัตยกรรมของวัดพม่า และพระพุทธรูป ที่มีความแตกต่างจากของประเทศไทย แต่ชาวพม่าก็นับถือศาสนาพุทธอย่างเช่นคนไทย
เมื่อกลับมาโรงแรมก็มาอาบน้ำเตรียมนอน เพราะในวันรุ่งขึ้นอีกวัน จะต้องไปเที่ยวอีกหลายที่ในจังหวัดเชียงราย สถานีแรกเป็นดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2530 เมื่อสมเด็จย่า มีพระชนมายุได้ 88 พรรษา ซึ่งเคยเป็นพระตำหนักของสมเด็จย่าในอดีต ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซึ่งหลังจากสมเด็จย่าสวรรคต พระตำหนักยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และเปิดให้ประชาชนเยี่ยมชมได้ทุกวัน บนดอยตุงนี้ คุณสามารถซื้อกาแฟดอยตุงดื่ม สำหรับคนชอบดื่มกาแฟ และสำหรับคนรักการถ่ายภาพ ก็มีมุมสวยๆ มากมายให้ถ่ายรูป โดยเฉพาะมุมดอกไม้ ที่สวยงามและเบ่งบานบนดอยตุงแห่งนี้
ในเวลานั้นอีกไม่นานเราก็ได้ไปเที่ยววัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเต้น วัดห้วยป่ากั้ง และปิดท้ายด้วยวัดพระแก้ว ซึ่งในแต่ละวัดนั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป เช่น วัดร่องขุ่น แน่นอนว่าเป็นของ อาจารย์เฉลิมชัย ซึ่งจะเป็นสีขาวทั้งวัด มองไปให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์ ส่วนวัดร่องเสือเต้น จะได้ความสวยงามอีกแบบหนึ่ง คือตัววัดจะเป็นสีน้ำเงิน และพระที่อยู่ในโบสถ์เป็นสีขาว นอกจากนั้นยังมีวัดห้วยป่ากั้ง ที่จะสามารถเห็นเจ้าแม่กวนอิ่มองค์ใหญ่ ที่สามารถเห็นได้ในระยะไกล นอกจากนั้นลักษณะเจดีย์ก็มีลักษณะเป็นฉัตรที่เรียงลดหลั่นกันไป ทำให้ดูสวยงาม เมื่อมองในระยะที่ไกล ส่วนวัดพระแก้วก็เป็นวัดที่อยู่ในที่สูง ต้องขึ้นบันได จำนวนหลายขั้นเพื่อขึ้นไปไหว้พระ
วัดร่องขุ่น
วัดร่องเสือเต้น
วัดห้วยป่ากั้ง
วัดพระแก้ว
เมื่อไปครบทุกวัด เวลาก็เริ่มบ่ายคล้อย ตะวันเริ่มจะลับลาจากขอบฟ้า ดังนั้นเราจึงกลับไปโรงแรม ซึ่งโรงแรมในคืนที่ 2 นี้ไม่ใช่โรงแรมเดิม จะเป็นโรงแรมที่เข้ามาในเขตตัวเมืองหน่อย สภาพโรงแรมดีกว่าโรงแรมในคืนแรกมาก ซึ่งน่าจะเป็นโรงแรม 4 ดาว ช่วงตอนกลางคืน ได้ออกไปเดินถนนคนเดิน ซึ่งของที่ขายริมสองข้างทางก็จะเป็นของพื้นเมืองของชาวเหนือ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ เสื้อผ้า กระเป๋า ถ้าใครชื่นชอบการชอปปิ้งจะไม่ผิดหวังเลยทีเดียว
ในวันรุ่งขึ้นก็ได้เดินทางไปดินแดนที่เรียกว่าสามเหลี่ยมทองคำ โดยการนั่งเรือไป ในบริเวณแห่งนี้คุณจะเห็นทิวทัศน์ของสองฝั่งแม่น้ำโขง และคุณจะได้เห็นพรมแดนที่ติดกันทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว และพม่า
และเมื่อถึงฝั่งลาว เรือก็ได้ให้เราแวะลงฝั่งลาว เพื่อซื้อของฝาก ซึ่งเป็นของที่ถูกทำขึ้นขายด้วยราคาย่อมเยา จากชาวลาว ทั้งผ้าซิ่น กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องประดับ แม้ค้าพ่อค้าที่นั่นอัธยาศัยดี เมื่ออยู่ที่นั่นสัก
ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้นั่งเรือกลับเมื่อมาถึงท่าเรือ ก็ต้องไม่ลืมที่จะไปเก็บภาพความประทับใจ ก็ประตูแห่งนี้ ที่เป็นจุด Landmark ของการถ่ายภาพ ในบริเวณฝั่งไทยนี้ ก็มีของฝากไม่น้อย พอจะได้จับจ่ายไปฝาก คนทางบ้านกันได้ ถ้าใครเป็นคนที่ชื่นชอบ เสื้อยืด ที่นี่เขาจะมีสกีนเสื้อที่หน้าอกว่า สามเหลี่ยมทองคำ ถ้าใครจะซื้อไปฝากเพื่อนๆ ฝากแฟน หรือซื้อใส่เองก็ได้
เมื่อเริ่มบ่ายก็ได้มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งเป็นศิลปะที่สวยงาม ซึ่งโทนสีที่ถูกใช้กับงานของอาจารย์จะเป็นสีดำ เพราะอาจารย์ถวัลย์ท่านชื่นชอบสีดำ
ในช่วงสุดท้ายของทริปจังหวัดเชียงรายนี้ เราได้ไปแวะกันที่ไร่สิงปาร์ค ของ ตอด ภิรมย์ ภักดี ทายาทเจ้าของเบียร์สิงห์ แน่นอนที่นั่น เราได้นั่งรถเพื่อชมไร่ และได้ไปถ่ายรูปกับยีราฟ และซื้อของฝากกัน ที่นั่นนับเป็นทริปที่มีความสุขและอิ่มเอมมาก เพราะว่าได้ไปหลายสถานที่ และในแต่ละที่ก็มีความหลากหลาย ในด้านวัฒนธรรม และความสวยงาม ไว้เจอกันไว้โอกาสหน้านะเชียงราย ถ้าใครอยากลองมาสัมผัสดูสักครั้ง ก็เตรียมหาวันหยุดยาว และสะพายเป้มาเลย รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ผู้สนับสนุน